ข่าวความเชื่อ/ศรัทธา

‘ตุ้ม กอนกวย’ ศิลปินนักร้องชาวกูย จัดพิธีบายศรีรับขวัญ หลังเข้าผ่าตัดมะเร็งระยะสุดท้าย ขณะที่แพทย์ระบุ ไม่มียารักษา ต้องบำบัดด้วยจิตใจ

อำเภอศรีณรงค์-หาดูยาก..ตุ้ม กอนกวย ศิลปินนักร้องชาวกูย จัดพิธีบายศรีรับขวัญ หลังเข้ารับการผ่าตัดมะเร็งระยะสุดท้าย ขณะที่แพทย์ระบุ ไม่มียารักษา ต้องบำบัดด้วยจิตใจ

วันที่ 18 มิถุนายน 2567 ที่บ้านฉลีก ตำบลตรวจ อำเภอศรีณรงค์ จังหวัดสุรินทร์ นายทวี บุญเสก อดีตผู้ใหญ่บ้าน และอดีตกำนันตำบลตรวจ พร้อมภรรยา ได้จัดพิธีบายศรีรับขวัญให้ตัวเอง โดยมีพ่อพราหมเป็นเจ้าพิธี เรียกขวัญเป็นภาษากูย เพื่อเป็นการรับขวัญและเรียกขวัญ เสริมเพิ่มพลังใจให้เข้มแข็งขึ้น หลังจากเข้ารับการผ่าตัดครั้งใหญ่ ด้วยโรคมะเร็งใส้ติ่งระยะสุดท้าย โดยมีชาวบ้าน เพื่อนฝูง ที่รักและเคารพ เข้าร่วมพิธีจำนวนกว่า 200 คน

ในงาน มีนางรำบายศรี และนางรำแกล-มอ ซึ่งเป็นพิธีกรรมสำคัญของคนเชื้อสายกูย เป็นการฟ้อนรำประกอบดนตรี โดยตามความเชื่อแล้ว มักจะใช้รักษาอาการป่วยและเรียกขวัญคนป่วย ซึ่งเป็นวิธีการรักษาทางจิตใจที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ และยังเป็นการสืบสานประเพณีที่ดีงาม ให้คนรุ่นหลังได้เห็น และสืบสานประเพณีนี้ต่อไปในภายภาคหน้า

สำหรับ นายทวี บุญเสก หรือ ที่ผู้คนรู้จักโดยทั่วไปว่า กำนันตุ้ม ซึ่งมีอีกหนึ่งฉายาว่า ตุ้ม กอนกวย นอกจากจะเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้าน และอดีตกำนันแล้ว ยังเป็นศิลปินนักร้องนักแต่งเพลงพื้นบ้านภาษากูย เพื่อเป็นการอนุรักษ์สืบสานศิลปะและวัฒนธรรมทางด้านภาษาให้คงอยู่สืบต่อรุ่นลูกหลานต่อไป ซึ่งก็มีผลงานออกมาให้เห็นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพลง แกล-มอ , เพลง อา-จอ-จา-ฉิม(หมากินหมด) , เพลง สมใจผ้าไหมสุรินทร์ , เพลง กำลังใจให้สาวรามฯ , เพลง ความหวังสุดท้าย , เพลง จำมองลบดุง เป็นต้น ที่เป็นการบอกเล่าเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นถิ่น สื่อออกมาเป็นบทเพลงอันไพเราะ อีกทั้งยกระดับภาษากูยให้ผู้คนรู้จักมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

นายทวี บุญเสก ได้เล่าว่า วันนี้ตนได้จัดงานบายศรีรับขวัญให้ตัวเอง หลังจากที่ตนเองป่วยเป็นมะเร็งใส้ติ่งระยะสุดท้าย ซึ่งเป็นระยะที่ไม่มียารักษาได้แล้ว ซึ่งได้เข้ารับการผ่าตัดเปิดช่องท้องเอาก้อนเนื้อร้าย ใส้ติ่ง และม้ามออก และพักฟื้นตัว ออกจากโรงพยาบาลมาได้ประมาณ 2 สับปดาห์แล้ว ตนและภรรยาจึงได้คิดจัดพิธีบายศรีรับขวัญขึ้น โดยตามความเชื่อใรท้องถิ่ง เพื่อเป็นการเรียกขวัญและกำลังใจกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว หลังจากไปเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน โดยการจัดพิธีในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือกับญาติพี่น้อง และเพื่อนฝูงที่ช่วยเหลือเรื่องอาหารการกิน ทั้งหมู ไก่ และอื่นๆอีกมากมาย โดยไม่ได้ใช้เงินซื้อมาเลย อาจเป็นเพราะที่ตนเอง เป็นคนมุ่งมั่นกับการงาน จึงทำให้ชาวบ้านนับถือ

สำหรับตนเองนั้น หมอแจ้งว่า ไม่มียารักษาแล้ว แต่ตนก็ไม่เคยรู้สึกเศร้าหรือท้อใจ เพราะตนเชื่อมั่นในตนเองว่า โรคทุกโรค สามารถรักษาด้วยจิตใจ และบำบัดด้วยจิตใจจากเพื่อนฝูง พี่น้อง และชาวบ้านที่รัก และด้วยความที่ตัวเองเป็นศิลปิน ตนก็บำบัดตัวเองด้วยการแต่งเพลง ให้เป็นเหมือนคนปกติ เพราะตนเชื่อว่า มะเร็งกลัวคนที่มีความสุข.

ภาพ-ข่าว สุทิศ บุญยืน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *