ตำรวจ สภ.หนองจอก น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นำมาประยุกต์ใช้ในไร่นาสวนผสม พร้อมกับนำเด็กนักเรียนมาเรียนรู้
สุรินทร์ – จนท.ตำรวจ สภ.หนองจอก อำเภอศีขรภูมิ น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นำมาประยุกต์ใช้ในไร่นาสวนผสม พร้อมกับนำเด็กนักเรียนมาเรียนรู้กับวิถีชาวนาจากบรรพบุรุษ ที่ได้กระทำมาแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน
บนพื้นที่ 16 ไร่ ทำไร่นาผสมผสานปลูกผักเลี้ยงปลา ปลูกผลไม้ชนิดต่างๆลงเต็มพื้นที่ พร้อมกับนำเด็กนักเรียนแดร์ลงมาทำการเรียนการสอน จากอดีตถึงปัจจุบันในวิถีชีวิตการทำนาของบรรพบุรุษ จะได้สอนให้เด็กได้รับทราบถึงความลำบากยากแค้นของชีวิตชาวนากว่าจะได้ข้าวแต่ละเมล็ดอาหารแต่ละจานมันลำบากแค่ไหน
นอกจากจะนำเด็กนักเรียนจำนวน 60 คนจาก 3 โรงเรียนมีโรงเรียนบ้านหนองขนาด บ้านโสน และโรงเรียนบ้านหนองจิกในเขตพื้นที่ตำบลหนองบัว อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ครูอาจารย์ เจ้าหน้าตำรวจ สภ.หนองจอก อ.ศีขรภูมิ ได้นำมาทำการเรียนการสอนตั้งแต่เริ่มปฏิบัติโดยการถอนกล้า แยกกล้ามัดกล้า ตลอดจนลงมือดำนา ซึ่งในการเรียนการสอนในครั้งนี้ ต่างได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนคนใน 3 ตำบล มีตำบลคาละแมะ ตำบลหนองบัว และตำบลตรึม แต่ละพื้นที่ ที่ได้ลงมือปฏิบัติจริงให้กับเด็กได้เรียนรู้จริงซึ่งการลงมือปฏิบัติในครั้งนี้ เด็กๆทุกคนก็จะต้องนำไปประกอบกับความรู้และความเป็นอยู่ ของปู่ย่าตายาย ที่ได้เลี้ยงดูเรามาเติบโตถึงขนาดนี้
ดต.สันติ พลคำเหลา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกันและปราปรามสภ.หนองจอก อ.ศีขรภูมิจ.สุรินทร์ กล่าวว่าตนเองพร้อมครู ทั้งสามโรงเรียน ตลอดทั้งผู้ปกครอง นำเด็กนักเรียนแดร์จำนวน 3 โรงเรียน ประกอบไปด้วยโรงเรียนบ้านหนองขนาด โรงเรียนบ้านโสน และโรงเรียนบ้านหนองบัว ซึ่งนักเรียนทั้งหมดเป็นนักเรียนแดร์ที่ตนทำการเรียนการสอนให้กับเขาอยู่ และวันนี้ก็ได้พาพวกเขาได้มาเรียนรู้กับวิถีชาวนาจากบรรพบุรุษมาจนถึงวันนี้ว่า แต่ก่อนเขาดำนาอย่างไรลงมือทำถอนกล้าลงมือแยกกล้าตลอดจนการแบ่งกล้าลงดำนา ซึ่งได้มีพี่น้องชาวบ้านได้ลงมาลงมือดำนา และสอนให้กับเด็กๆนักเรียนได้รู้และเข้าใจ ตลอดจนความเป็นอยู่ของบรรพบุรุษจากอดีตเขามีความลำบากอย่างไร กว่าจะลงมือดำนาและกว่าจะได้ข้าวมากินแต่ละจานมันจะเหนื่อยไหม ซึ่งการเรียนการสอนในภาคปฏิบัติวันนี้ เด็กๆต่างให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก พร้อมจะนำเรื่องดังกล่าวไปเล่าและไปสอบถามผู้ปกครองที่บ้าน กับความเป็นมาของวิถีชีวิตของปู้ย่าตาทวดของตนเองที่มีชีวิตอยู่
ดต.สันติ ยังกล่าวอีกว่า พื้นที่นาของตนเองทั้งหมดมีอยู่ 16 ไร่ แต่ละไร่แต่ละแปลงตนเจะปลูกข้าวเกษตรอินทรีย์และจำพวกผลไม้ที่กินได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นมะม่วง มะละกอ ตลอดจนอินทผาลัม ที่ตนเองกำลังปลูกและมีบ่อเลี้ยงปลาไปด้วย ซึ่งแต่ละปีจะมีผลผลิตออกมาจำหน่ายพอสมควร ส่วนที่เหลือก็เก็บไว้กินในครัวเรือนของตนเองบ้าง ซึ่งแต่ละปีตนได้เดินทางไปศึกษาหาความรู้ตามพื้นที่ตำบลหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งตนได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนำมาประยุกต์ใช้ภายในครัวเรือน จนเป็นพื้นที่เกษตรไร่นาผสมผสาน มีอาหารการกินไม่เคยขาด ตลอดจนนำไปขายให้กับชาวบ้านที่มาซื้อ หรือบางครั้งต้องแบ่งไปกินกันบ้างอย่างนี้ตลอดมา.