เปิดใจเจ้าของ ‘พลายศักดิ์สุรินทร์’ พาช้างกลับบ้าน เผย..รักเหมือนลูก
3 ก.ค.66 นายสมโรจน์ คูกิติเกษม พร้อมด้วยนางสาวพัชรพร คูกิติติเกษม ลูกสาว ได้ประกอบพิธีบวงสรวงศาลปะกำ ภายในบ้านเลขที่ 67-71 ถนนปัทมานนท์เขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ เพื่อเป็นการบอกกล่าวและการดำเนินการต่างของพลายศักดิ์สุรินทร์เป็นไปด้วยความราบรื่น จากนั้นได้เปิดบ้านพักเลขที่เลขที่ 81 ถนนธนสาร เขตเทศบาลเมืองสุรินทร์อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเรื่องช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ และช้างพลายศรีณรงค์ ที่ครอบครัว ” คูกิตติเกษม ” เจ้าของพลายศักดิ์สุรินทร์ ได้ทูลเกล้าถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2543 และส่งมอบให้ประเทศศรีลังกาเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2544 ในนามรัฐบาลไทยกับรัฐบาลศรีลังกา โดยเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญมาก มีเอกสารสำคัญต่างๆในการดำเนินการเราเก็บไว้ทั้งหมด มีตั้งแต่หนังสือจากประธานาธิบดีศรีลังกา ทำมาถึงรัฐบาลไทย ในสมัยนั้น ซึ่งได้พูดถึงทำอย่างไรจะให้ช้างไปอยู่ที่เมืองโคลัมโบ เพื่อรับใช้พระพุทธศาสนา ในการอันเชิญพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งจะมีหนังสือเท้าความมาทั้งหมด ในสมัยนั้น เมื่อปี 2544 ซึ่งทางครอบครัวตนเองได้มีความประสงค์ที่จะเป็นตัวแทนชาวสุรินทร์มอบให้ ซึ่งในวันนั้นที่ส่งมอบช้างไปมีประชาชนมาร่วมแสดงความยินดีและไว้อาลัยในการจากไปในวันส่งมอบช้างพลายสุรินทร์ไปยังเมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา และคงไม่ได้กลับมาอีก แต่เราก้ได้มีการติดตามข่าวอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ได้รับการดูและอย่างดีและได้เป็นพานะในการแห่ร่วมขบวนในการเฉลิมฉลองความศรัทธาของชาวพุทธศาสนิกชน โดยนำไปแห่พระเคี้ยวแก้ว และพระบรมสารีริกธาตุองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในช่วงหาช้างต้องทิ้งช่วงนานพอสมควร จะมีเจ้าหน้าที่ ออป.และอธิบดีกรมป่าไม้ในสมัยนั้น คือท่านประสพ สุรัสวดี ได้ประสานมา ซึ่งตนก็เห็นว่าเป็นเรื่องดีเป็นเรื่องมงคล ครอบครัวตนได้มีการพูดคุยกันก็ยินดี จึงได้ทูลกล่าวถวายสมเด็จนางเจ้าพระบรมราชินีนาท พระพันปีหลวง แล้วพระองค์ทรงประทานให้กับประธานาธิบดีประเทศศรีลังกา รัฐบาลศรีลังกาในสมัยนั้น ตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา จวบจนปัจจุบัน และได้กลับมายังบ้านเกิดในวันที่ 2 กรกฎาคม 2566 รวมเป็นเวลากว่า 22 ปี ซึ่งขั้นตอนต่างๆในการที่จะนำพลายศักดิ์สุรินทร์กลับบ้านเกิดก็ได้มีการประสานงานกันเป็นปีๆเช่นกันจึงสำเร็จ ในตอนที่ส่งมอบไปพลายศักดิ์สุรินทร์มีอายุราว 10 ปี โดยเมื่อก่อนได้เลี้ยงพลายศักดิ์สุรินทร์ ไว้ที่บ้านที่ เวลาไปไหนก็จะเดินตาม เป็นช้างแสนรู้ เชื่อง ฉลาด จนถึงทุกวันนี้ก็ภูมิใจที่ได้นำช้างไปทำประโยชน์ให้กับรัฐบาลต่อรัฐบาล
การนำพลายศักดิ์สุรินทร์กลับมารักษาที่บ้านเกิดนั้นได้มีการประสานกันอย่างต่อเนื่อง สืบเนื่องจากกลุ่มอนุรักษ์ที่ประเทศศรีลังกาเขาเห็นความไม่เหมาะสมของควาญช้างที่ดูแลรักษา จริงๆเรื่องของวัฒนธรรมการเลี้ยงช้างมันแตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่อยู่ในใจเราคือเขาควรมีคุณภาพชีวิตที่ดี เขาขาดความเข้าใจ หลังจากมีการร้องเรียนทางกระทรวงการต่างประเทศก็ทำหนังสือถึงกรมอุทยาน กองไซร์เตส จากนั้นกองไซร์เตสก็ประสานท่านรัฐมนตรีวราวุธ ศิลปะอาชา ซึ่งท่านก็รับลูกประสานท่านนายกรัฐมนตรี ก็ประสานตั้งงบในการนำช้างกลับมา ต้องยอมรับว่าในโลกปัจจุบันก็จะมีกลุ่มคนคอยติดตามการกระทำต่างๆของสังคมอยู่ สิ่งไหนไม่ถูกไม่ควรก็จะมีการร้องเรียน มีการแจ้งข่าวบอกข่าวกัน แล้วนำไปสู่การไปติดตาม และหาต้นตอที่มาของช้างมาจากไหน จนสามารถได้เบอร์ติดต่อตน จึงให้ข้อมูลและประสบการณ์ต่างๆเกี่ยวกับช้าง และก็ได้นำนายทองสุข และนายวัน มะลิงาม ควาญช้างจาก จ.สุรินทร์ ไปช่วยในเบื้องต้นก่อนตั้งแต่เมื่อ 5 เดือนที่แล้ว ไปดูแลจนมั่นใจแล้ว ทั้งการดูแลรักษา การนำมาจากวัด นำมาอยู่สวนสัตว์แล้วมีสัตวแพทย์ของศรีลังกามารักษาในเบื้องต้นแล้ว ก็มีสัตวแพทย์จากไทยติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอดทั้งจาก ออป.และกรมอุทยาน ประสานกันมาโดยตลอด และมีการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆที่ท่านรัฐมนตรีและอธิบดีกรมอุทยานได้ดำเนินการ จนภารกิจนี้เสร็จสมบูรณ์และปลอดภัย
ถามถึงความรู้สึกที่เห็นช้างกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว แต่ในใจเราเขาก็เหมือนลูกหลานเราที่เคยอยู่กันมายาวนาในช่วงเด็ก 10 ปีที่ผ่านมาก็มีความผูกพัน ลึกๆก็ดีใจ ตอนไปเราก็ดีใจเพราะว่าไปอยู่ที่ศรีลังกางานไม่หนัก เป็นงานที่รับใช้พระพุทธศาสนา ไปอยู่ที่วัดหลวงพ่อท่านก็เมตตา ดูแลเป็นอย่างดี และมีคนไทยไปดูเป็นระยะๆ และก็ส่งข่าวบอกข่าวกันมาตลอด แต่พอมาตอนหลังที่เป็นข่าวก็ตกใจทำไมเป็นอย่างนั้นได้ ก็มีการไปติดตามหาสาเหตุที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร แต่จริงๆเป็นประโยชน์มากเราอย่าไปมองแค่ผิวเผิน เรื่องความสัมพันธ์ก็ดี เรื่องพระ
ตั้งแต่พลายศักดิ์สุรินทร์กลับมาถึงเมืองไทย ยังไม่ได้ไปพบเลย ต้องรอกักตัวกับโรคให้ครบ 28 วัน ซึ่งจะไปเจออย่างแน่นอน และในฐานะคนสุรินทร์ตนอยากที่จะจัดงานบายศรีรับขวัญให้กับเขาด้วย ส่วนอนาคตนั้นก็ตามที่ปลัดกระทรวงทรัพยากรและรัฐมนตรีได้พูดไว้แล้วว่า ช้างพลายศักดิ์สุรินทร์เราได้ให้เขาไปแล้ว วันนี้ในมิตรไมตรีที่ดี เราก็ประสานกันนำมาดูแลให้ดีขึ้น ในอนาคตเขาจะรับกลับไปคืนก็เป็นเรื่องในอนาคตต่อไป
ภาพ-ข่าว ธนโชติ เจนจัด รายงาน