สุรินทร์-สนธิกำลัง..จับขบวนการค้าไม้พะยูง ซุกป่า 130 ท่อน ผู้ต้องหาอ้างมีคนนำมาฝากไว้ เตรียมขยายผลจับผู้ร่วมขบวนการที่เหลือ พบขอมูลหากส่งถึงมือนายทุนจะมีมูลค่าหลายล้านบาท
เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (25 มี.ค.68) เวลา 15.00 น. ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์มอบหมายให้ พ.ต.อ. อิทธิพล พงษ์ธร ผกก.สืบสวน ภ.จว.สุรินทร์ พ.ต.ท.ประยุทธ สอนสวาท รองผกก.สืบสวนภ.จว.สุรินทร์ สั่ง การให้ชุดปทส.กก.สืบสวน,ชุดปฎิบีติการเวรเตรียมพร้อม โดยมี ร.ต.อ.ปราโมทย์ เที่ยงธรรม ร.ต.อ.สมนึก จันทร์ปิ่น ร.ต.ต.ธวัช เจนรอบ ว่าที่ร.ต.ต. ทัศพงษ์ วิมลนรสิทธิ์ รองสว.กก.สืบสวน ภ.จว.สุรินทร์ จ.ส.ต.ณัฐวุฒิ ทศพร,จ.ส.ต.ธรรมธร บุรากร, ส.ต.อ.พลจันทร์ จันทร์ประเสริฐ ผบ.หมู่กก.สืบสวน ภ.จว.สุรินทร์
ทำการตรวจค้น ยังบริเวณที่อยู่ที่ระบุตามหมายค้นตามหมายค้นของศาลจังหวัดสุรินทร์ ที่ ค.79/2568 บริเวณกระท่อมไม่มีเลขที่ ด้านทิศใต้หมู่บ้านชำปะโต หมู่ที่ 3 ตำบลอาโพน อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ โดยมี ร.ต.อ.ปราโมทย์ เที่ยงธรรม เป็นผู้นำหมายค้นพร้อมนำกำลังคณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการการข่าวจังหวัดสุรินทร์(กอ.รมน.) ร่วมกับ ชุดปฏิบัติการพิเศษ พญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติ, สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (สปป.2),เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ,ชุดสืบสวน สภ.บัวเชด และ จนท.ฝ่ายปกครองอำเภอบัวเชด

สามารถ จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 1 ราย คือนาย อุดมเดช หรือหาญ ทองเต็ม อายุ 65 ปี เลขอยู่บ้านเลขที่ 176 หมู่ 9 ต.จรัส อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ พร้อมของกลาง ประกอบด้วย.ไม้พะยูงแปรรูปกลม จำนวน 130 ท่อน ปริมาตร 0.9627 ลบม. มูลค่า 369,079 บาท,เลื่อยตัด จำนวน 1 ปื้น,พานท้ายปืน จำนวน 1 อัน,พานท้ายปืน พร้อมชุดลั่นไก จำนวน 1 ชุด,ลำกล้องปืน ยาว 42นิ้ว จำนวน 1 อัน,สปริงพร้อมชุดนกสับ จำนวน 1 ชุด,ดินประสิวบรรจุในขวดพลาสติกใส จำนวน 1 ขวด,กระสุนลูกซอง เบอร์12 จำนวน 2 นัด,โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ oppo Cph2483 สีดำ จำนวน 1 เครื่อง
โดย จนท.กล่าวหาว่า มีความผิดตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 11 ฐาน “ทำไม้พะยูงหวงห้ามโดยมิได้รับอนุญาต” มาตรา 48 ฐาน “แปรรรูปไม้พะยูงหวงห้ามในเขตควบคุมการแปรรูป มีไม้แปรรูปหวงห้ามเกิน 0.20 ลบ.ม. ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” มาตรา 69 ฐาน “ครอบครองซึ่งไม้พะยูงหวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปโดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวง หรือ รอยตรารัฐบาลขายโดยไม่ได้รับอนุญาต” มาตรา 70 “ผู้ใดรับไว้ด้วยประการใด ซ่อนเร้น จำหน่าย หรือช่วยเอาไปเสียให้พ้นซึ่งไม้ที่มีผู้ได้มาโดยการกระทำผิด ต่อบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ มีความผิดฐานเป็นตัวการในกระทำความผิดนั้น” และ พระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ฐาน“มีอาวุธปืน (ปืนแก๊ป) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน” และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”

โดยพฤติการณ์ ขณะเข้าตรวจค้นคณะเจ้าหน้าที่พบบุคคลชาย จำนวน 1 คน อยู่บริเวณกระท่อมหลังดังกล่าว คณะเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงหมายค้นพร้อมทั้งอ่านหมายค้นให้ชายคนดั่งกล่าวรับทราบ ทราบชื่อภายหลังนายยงยุทธ ทองเต็ม และนายยงยุทธฯได้นำคณะเจ้าหน้าที่ตรวจค้น ขณะตรวจค้นคณะเจ้าหน้าที่พบไม้พะยูงถูกวางกองรวมกันไว้บริเวณทิศใต้กระท่อมบริเวณสวนยูคาลิปตัส จำนวน 8 กอง รวม 130 ท่อนดังกล่าว
คณะเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายยงยุทธ ทองเต็ม ซึ่งเป็นผู้นำตรวจค้น มาทำการสอบถามว่าไม้พะยูงที่ตรวจค้นพบในบริเวณที่เกิดเหตุเป็นของผู้ใด นายยงยุทธฯ ให้การปฏิเสธว่าไม้พะยูงของกลางและอุปกรณ์ในการกระทำความผิดที่ตรวจพบในที่เกิดเหตุดังกล่าวไม่ใช่ของตนฯ และให้การต่อว่ากระท่อมหลังเกิดเหตุดังกล่าวพ่อของตนฯ ชื่อนายอุดมเดช ทองเต็ม เป็นผู้อยู่อาศัย จากนั้นนายยงยุทธฯได้โทรศัพท์ตามนายอุดมฯ ซึ่งเป็นพ่อของตนฯให้เข้ามาที่กระท่อมหลังเกิดเหตุ พอนายอุดมฯมาถึง คณะเจ้าหน้าที่ได้นำตัวมาทำการสอบถามว่าไม้พะยูงและอุปกรณ์ของกลางที่ตรวจพบในที่เกิดเหตุเป็นของผู้ใด นายอุดมเดช ทองเต็ม ให้ปากคำว่า นายหยก (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) เป็นบุคคลอาศัยอยู่บ้านชำปะโต ตำบลอาโพน อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ และนายเดช (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) ซึ่งเป็นเพื่อนกับนายหยก เป็นผู้นำไม้พะยูงมาฝากไว้กับตน โดยได้มาติดต่อขอฝากไม้ไว้บริเวณกระท่อมบริเวณป่ายูคาข้างกระท่อม โดยเมื่อขายได้จะให้ส่วนแบ่ง แต่ไม่ได้ตกลงว่าจะได้เท่าใด โดยทุกครั้งที่นายหยกและนายเดช นำไม้พะยูงมาไว้ที่บริเวณกระท่อมดังกล่าวจะมาด้วยกันสองคนทุกครั้ง เมื่อนำไม้พะยูงมาไว้เสร็จแล้วจะพากันรีบออกไป โดยตนได้ยินว่าไม้พะยูง นายหน้าให้ราคา ก.ก.30 บาท จึงยังไม่ขาย และรอนายทุนที่ให้ราคาดีกว่ามารับซื้อ จนเจ้าหน้าที่นำหมายค้นเข้าทำการตรวจสอบพบก่อนดักล่าว

จากการตรวจค้นภายในกระท่อม เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนแก๊ปไทยประดิษฐ์ และชิ้นส่วนอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ จากการสอบถามนายอุดมเดช ทองเต็ม รับว่าอาวุธปืนแก๊ปไทยประดิษฐ์ เป็นของตน และได้นำเจ้าหน้าที่มายังบ้านที่พักอาศัยของตน บ้านเลขที่ 176 หมู่ที่ 9 บ้านนาสนวนพัฒนา ต.จรัส อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ และนำเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบบริเวณบ้านโดยความยินยอมของตนเองนั้น ขณะนายอุดมเดชฯ พาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณบ้าน พบกระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 12 จำนวน 2 นัด ซุกซ่อนอยู่ในกล่องอุปกรณ์ จึงได้สอบถามนายอุดมเดชฯ ว่ากระสุนปืนดังกล่าวเป็นของผู้ใด นายอุดมเดชฯ รับว่าเป็นของตน ซึ่งไม่ได้ส่งคืนให้แก่ทางราชการ
คณะเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวข้างต้น ได้ประสานให้เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ส.ร.1, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอบัวเชด และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บัวเชด เข้ามาร่วมกันตรวจสอบยังบริเวณที่เกิดเหตุ คณะเจ้าหน้าที่ร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ จึงได้ร่วมกันทำการตรวจยึดไม้พะยูงของกลางและอุปกรณ์ในการกระทำความผิด และแจ้งข้อกล่าวหาให้นายอุดมเดชฯ ทราบ จึงได้ทำการตรวจยึดไม้พะยูงของกลางทั้งหมด จำนวน 130 ท่อน พร้อมอุปกรณ์ของกลางในการกระทำผิดดังกล่าว ส่งกำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป พร้อมจะทำการสืบสวนขยายผลตามจับผู้ที่ร่วมขบวนการต่อไป

ทั้งนี้แหล่งข่าวรายงานว่า หากไม้พะยูงดังกล่าวถูกส่งถึงมือนายทุน คาดว่าจะมีมูลค่าหลายล้านบาทอีกด้วย
ภาพ/ข่าว ทีมข่่าวภูมิภาค จ.สุรินทร์