ข่าวทั่วไป

อากาศร้อนจัด เซียนหาปลานัดกันลงสระหว่านแห ได้ทั้งปลาได้ทั้งเล่นน้ำคลายร้อน ในบรรยากาศชนบทอย่างสนุกสนาน

วันที่ 13 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวประจำจ.สุรินทร์รายงานว่า ที่ริมสระฝั่งทิศตะวันตกของชุมชนบ้านพรหมสะอาด ต.พระแก้ว อ.สังขะ จ.สุรินทร์  สืบเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้เซียนปลาประมาณ 10-11 คน  ได้นัดกันลงทอดแห จับปลา เเละเเบ่งกัน เพื่อนำมาประกอบอาหารช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย  ซึ่งช่วงนี้อากาศร้อนมาก ถือเป็นการผ่อนคลายดับร้อน ได้ทั้งปลาเเละได้เล่นน้ำดับความร้อนอบอ้าวไปด้วย นอกจากนี้ปลาที่จับได้ เช่นปลานิล ปลาช่อน  กบ ยังสามารถนำกลับบ้านนำมาประกอบอาหาร หรือขายให้คนในชุมชนสร้างรายได้อีกทางหนึ่งด้วย

โดย นายอ้น ภูหอม อายุ 65 ปี ชาวชุมชนบ้านพรหมสะอาด เจ้าของสระเลี้ยงปลา ที่ติดกับทุ่งนาเเละป่ายาง กล่าวว่า  ช่วงนี้ อากาศร้อนอบอ้าวมาก  ถึงกับต้องถอดเสื้อหว่านแห เพื่อคลายร้อน  สำหรับแหที่นำมาจับปลานั้น มีอยู่ 2 ขนาด คือ 1 แหจับปลาแบบตาข่ายถี่ และ 2.แหจับปลาแบบตาข่ายห่าง พร้อมตาข่ายตาเพื่อที่จะลากให้พื้นที่เเคบ ให้สามารถจับปลาได้ง่ายขึ้น โดยวิธีใช้จับปลา จะไม่เหมือนกัน เช่น แหจับปลาแบบตาข่ายห่าง เวลาทอดลงน้ำ จะติดเฉพาะปลาตัวใหญ่ ซึ่งใช้จับปลาใหญ่อย่างเดียว ส่วนแหตาข่ายถี่ จะใช้ทอดจับปลาตัวเล็ก ซึ่งไม่อาจเล็ดลอดออกจากแหได้ จึงเป็นกลเม็ดเคล็ดลับ ซึ่งชาวนาบอกสอนจากรุ่นสู่รุ่น ที่สำคัญเวลาหาปลา จับปลา จะต้องแน่ใจว่า ลำห้วย หรือ หนองน้ำนั้นๆ เป็นแหล่งปลาเล็ก หรือ ปลาใหญ่ ที่อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อจะได้ใช้แหทอดลงไปได้ถูกต้อง เพื่อจับปลาเล็ก ปลาใหญ่ ได้ตามความต้องการ

ส่วน  วิธีการทอดแหก็มีเคล็ดลับที่ไม่ยาก ทำได้ทุกคน หากใจรัก กล่าวคือ  ขณะยืนอยู่บนฝั่ง สระแหจะต้องพาดที่บ่าไหล่ ถึงกลางหลัง ตาจะต้องจ้องมองที่พื้นน้ำเบื้องล่าง ตลอดเวลา ถ้าพบปลาขึ้นมาจากน้ำ เพื่อหายใจ ก็จะเกิดฟองอากาศ กระจายเป็นวงกลม จึงเป็นช่วงเวลาพอเหมาะที่จะทอดแหลงน้ำ โดยการเหวี่ยงแหให้ไปที่จุดปลาขึ้นมาหายใจ  ทำให้ปลาไม่รอดที่จะติดแห นอกจากนี้ปลาที่จับได้ ก็จะมาแบ่งกันคนละเท่าๆกัน  เพื่อนำกลับบ้านไปทำกับข้าวเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกทาง หรือจะขายให้กับคนในชุมชนที่ต้องการนำไปประกอบอาหารโดยไม่ต้องไปหาเอง ซึ่งปลาที่ได้ส่วนมากจะได้ปลาช่อน ปลาดุก  ที่เลี้ยงตามธรรมชาติ เพราะเจ้าของนำพันธ์ปลามาปล่อยไว้หลายพันตัว  จึงมีปลาชุกชุมและสมบูรณ์เป็นอย่างมาก.



ภาพ/ข่าว พูนสิน ยั่งยืน ผู้สื่อข่าว จ.สุรินทร์