ข่าวทั่วไปข่าวอาชญากรรม

ศาลจังหวัดสุรินทร์อนุมัติหมายจับ หลวงตาเบ๊าะ หลอกลวงยืมเงินทองชาวบ้านไปประกอบพิธีเพิ่มพูนทรัพย์ แล้วไม่ได้คืน

วันที่ 9 พ.ย.2567 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์รายงานว่า จากกรณีที่มีชาวบ้านในพื้นที่อำเภอบัวเชด อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ และชาวบ้านในเขตพื้นที่อำเภอภูสิงห์ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ จำนวนมากเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ หลวงตาเบ๊าะ หรือ นายเทอดศักดิ์ แก้วสว่าง อายุ 32 ปี เจ้าสำนักสถานที่ปฏิบัติธรรม ต.บัวเชด อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ที่แอบอ้างว่าตนเองเป็นหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน กลับชาติมาเกิด และมีพฤติกรรมลอกเลียนแบบกิริยาท่าทางของหลวงปู่สรวงทุกประการ จนทำให้มีชาวบ้านเกิดหลงเชื่อหลงศรัทธามานานหลายปี ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยถูกคณะสงฆ์อำเภอบัวเชด ให้สึกจากการเป็นพระ เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและไม่อยู่จำพรรษาในวัด ไม่ปฎิบัติเหมือนกับพระสงฆ์ทั่วไป เมื่อถูกให้สึกจากการเป็นพระแล้ว มีลูกศิษย์บางคนที่ยังหลงเชื่ออยู่จึงได้พาไปอยู่ที่อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา และกลับมาบวชใหม่อีกครั้ง แต่ก็ยังคงมีพฤติกรรมเหมือนเดิมคือแอบอ้างว่าตนเองเป็นหลวงปู่สรวงกลับชาติมาเกิด เมื่อเห็นว่าเรื่องเงียบหายไปนานแล้ว จึงได้เดินทางกลับมาอยู่ที่สวนยางพาราของครอบครัวตัวเองและใช้สวนยางพาราของตนเอง ตั้งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม โดยใช้คำว่าเป็นสาขา วัดหนองโคพรหมนิมิต จังหวัดนครราชสีมา โดยไม่ขึ้นตรงต่อคณะสงฆ์ของอำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ และไม่เคยเข้าร่วมสังฆกรรมใดๆกับคณะสงฆ์อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์

ล่าสุด พ.ต.อ.สราวุธ ศรีวิฑูรย์ศักดิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร สภ.บัวเชด เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากที่มีชาวบ้านเข้ามาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับ หลวงตาเบ๊าะ หรือ นายเทอดศักดิ์ แก้วสว่าง ที่ได้หลอกลวงชาวบ้านด้วยการบอกว่า ขอยืมเงินสด ขอยืมทองคำ เพื่อเอาไปทำพิธีเข้าพรรษาและทำพิธีกรรมเพิ่มพูนทรัพย์สินเงินทอง เมื่อเสร็จพิธีแล้วจะเอาเงินเอาทองไปใช้ทำอะไร ก็จะทำให้เจริญรุ่งเรืองร่ำรวยมากยิ่งขึ้น ทำให้มีชาวบ้านหลงเชื่อเอาเงินสดและทองคำจำนวนมากมาเข้าร่วมพิธี

แต่เรื่องมาแดงขึ้นเมื่อมีสาวใหญ่ใจกล้าที่รู้เรื่องว่าแม่ของตนเองเอาทองคำและเงินสดไปเข้าร่วมพิธีดังกล่าว จึงได้เข้าไปที่วัดเพื่อทวงถามขอทองคำคืน แต่หลวงตาเบ๊าะไม่มีทองคำมาคืนให้ สาวใหญ่คนดังกล่าวจึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.บัวเชด เมื่อหลวงตาบ๊าะทราบเรื่องว่าถูกแจ้งความดำเนินคดี จึงหนีออกจากวัดทันที ทั้งที่อยู่ในช่วงเข้าพรรษา จนกระทั้งปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีใครพบตัวหลวงตาเบ๊าะ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บัวเชด ได้สอบปากคำชาวบ้านผู้เสียหายและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสุรินทร์. ล่าสุดศาลจังหวัดสุรินทร์ได้ออกหมายจับหลวงตาเบ๊าะ หรือนายเทอดศักดิ์ แก้วสว่าง ในข้อหาฉ้อโกง ซึ่งมีผู้เสียหายจำนวนมาก หากผู้ใดพบเห็นสามารถแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศให้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาคนดังกล่าวได้ทันที ทั้งนี้หมายจับมีอายุความนานถึง 10 ปี และขอเตือนบรรดาลูกศิษย์ของหลวงตาบ๊าะที่ยังหลงเชื่ออยู่ และให้ที่พักอาศัย ระวังจะโดนข้อหาให้ที่พักพิงผู้ต้องหาตามหมายจับมีสิทธิ์ติดคุกได้เช่นกัน หากท่านใดมีเบาะแสของหลวงตาเบ๊าะ หรือนายเทอดศักดิ์ แก้วสว่าง ว่าหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหน สามารถโทรแจ้งโดยตรงที่ สถานีตำรวจภูธร สภ.บัวเชด โทร 044-579-027 หรือโทร 191

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลวงตาเบ๊าะ หรือนายเทอดศักดิ์ แก้วสว่าง มักจะชอบเดินทางไปประเทศกัมพูชา และมีพฤติกรรมหลอกลวงชาวกัมพูชาเช่นกัน เคยมีเถ้าแก่เจ้าของร้านค้าถูกหลวงตาเบ๊าะหลอกเอาเงินมากถึง 3 แสน ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 10 ล้านบาท และยังมีชาวกัมพูชาอีกมากที่หลงเชื่อ หลงศรัทธารวมทั้งถูกหลอกเอาเงินเอาทองคำอีกจำนวนมาก สำหรับประชาชนคนไทยที่ถูกหลวงตาเบ๊าะ หลอกลวงเอาเงินสด และทองคำหรือทรัพย์สินต่างๆ สามารถเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีได้ที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน.

ภาพ/ข่าว ชนะชล มูลจันทร์ , พูนสิน ยั่งยืน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *