ข่าวทั่วไป

หนุ่มใหญ่ใจดี..ทนเห็นเด็กๆลุยโคลนตมไปโรงเรียนมานาน ตัดสินใจยกที่ดินส่วนตัวให้ทำถนน พร้อมลงหินคลุก

วันที่ (9 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวได้รับทราบข่าว จากชาวบ้านนาโพธิ์ หมู่ที่ 12 ตำบลช่างปี่ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ว่ามีหนุ่มใหญ่ใจดีคนหนึ่ง ได้มอบที่ดินให้ใช้ก่อสร้างถนนให้กับชาวบ้านที่สัญจรไปมา ในเขตพื้นที่หมู่บ้านนาโพธิ์ จึงได้เข้าไปสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ก็ได้พบกับครอบครัวของนายสว่าง หรือเซี้ย สมานทอง อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/1 หมู่ที่ 12 ฯ และนางเฉลิม สมานทอง อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นภรรยา มีบ้านติดกับถนนใหญ่หน้าโรงเรียนบ้านนาโพธิ์ ซึ่งเป็นครอบครัวที่เสียสละมอบที่ดินให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมดังกล่าว

นายสว่าง สมานทอง เผยว่า ตนเองมีลูกจำนวน 3 คนคนโต ชื่อศิรินันท์ สมานทอง อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวคนโต พิการขาและคนเล็กกำลังศึกษาอยู่ สาเหตุที่ตนเองได้บริจาคที่ดินขนาดกว้าง 4 เมตรยาว 250 เมตร เนื้อที่ 240 ตารางวาให้กับชุมชนในครั้งนี้เนื่องจากว่าที่ผ่านมา ตนเองได้มองเห็นถึงความลำบากของพี่น้องประชาชน ที่เดินทางสัญจรไปมาต้องใช้คันนาเดินข้ามถนนเพื่อมาขึ้นรถ เพื่อที่จะเข้าตลาดในเมืองสุรินทร์และเขตอำเภอศีขรภูมิ ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้ังสองเส้นทาง หลังจากที่ทำการมอบให้ อบต.แล้ว ตนเองจึงได้นำดินและหินคลุกมาลงให้พี่น้องประชาชนคนในพื้นที่ได้ใช้ถนนอย่างสะดวกสบาย

บางครั้งเวลาฝนตกฟ้าร้อง พี่น้องจะเดินทางสัญจรไปมาก็ลำบาก ลูกหลานที่จะเดินทางไปโรงเรียนบ้านนาโพธิ์ก็ต้องเดินลัดข้ามคันนามาแสนจะลำบาก ประกอบกับโคลนตมที่ต้องเหยียบย่ำมาโรงเรียน โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน ตนเองมองเห็นถึงความลำบากของพี่น้องประชาชนและเด็กนักเรียนที่สัญจรไปมาลำบาก จึงได้ปรึกษาภรรยาและลูกๆที่อยู่ด้วยกันและที่ดินดังกล่าวก็เป็นที่ดินซึ่งได้รับมาจากมรดกของแม่ ที่แม่โอนให้นำมามอบให้กับหน่วยงานของรัฐ

หลังจากที่ได้ปรึกษากับภรรยาแล้ว จึงได้ตัดสินใจบอกนายเฉลียว ปิ่นเพชร นายก อบต.ช่างปี่ เพื่อที่จะมาทำการรับมอบที่ดินดังกล่าวให้เป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ เพื่อใช้สัญจรร่วมกันซึ่งในขณะนี้ทาง อบต.กำลังจะรีบดำเนินการกับที่ดินที่ได้รับมอบแล้วอยู่ในระหว่างให้เจ้าหน้าที่ ออกมารังวัด เพื่อที่จะทำการมอบให้กับ อบต.เพื่อที่จะให้พี่น้องประชาชนได้สัญจรไปมาได้อย่างสะดวกสบายและลูกหลานที่เดินทางมาโรงเรียนจะไม่ต้องลำบากเหมือนกับปีที่ผ่านๆมา

นายสว่างยังบอกอีกว่าตนเองมีครอบครัวที่ไม่ใหญ่ไม่โตอะไร พออยู่พอกิน ค้าขายไปวันๆ ที่อยากจะมอบให้กับหน่วยงานของรัฐในครั้งนี้ อีกอย่างก็คือการทำบุญ ซึ่งตนเองก็มีลูกสาวคนโต อายุ 30 ปี ซึ่งป่วยพิการขามานาน ซึ่งการทำบุญโดยการมอบที่ดินให้กับรัฐในครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะอุทิศส่วนกุศลผลบุญที่ตนเองและครอบครัว ให้กับบรรพบุรุษและก็เพื่อให้บุญกุศลที่ตนเองได้ทำในครั้งนี้ ก็ขอให้ครอบครัวของผมจงมีแต่ความสุขความเจริญและขอให้ลูกสาวของตนเองที่พิการ ถ้าหากชาติหน้ามีจริงก็ขอให้ลูกสาวของตนเอง ได้เป็นคนที่มีสุขภาพร่างกายปกติเหมือนกับบุคคลทั่วไปนาย สว่างกล่าว

นพรัตน์ กิ่งแก้ว รายงาน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *