ข่าวทั่วไป

คู่รักวัย 54 ปี ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา กระทั่งสามีป่วยอัมพาตครึ่งซีกก็ไม่ทอดทิ้ง เป็นตัวอย่างรักแท้ที่ดี

วันที่ 14 ก.พ.2566 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์รายงานว่า ได้พบสองสามีภรรยาอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 110 หมู่ที่ 3 บ.กะเพอโร ต.ตาวัง อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ หน้าบ้านเปิดเป็นร้านขายของ(ร้านชำ)เเละขายก๋วยเตี๋ยว โดยฝ่ายสามีป่วยเป็นอัมพาตแต่พอช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง ทราบชื่อคือ นายปรีชา สีหบุตร อายุ 54 ปี โดยมีนางอ่อนละมุน สีหบุตร อายุ 54 ปี ผู้เป็นภรรยาที่คอยดูแลสามีอย่างใกล้ชิด โดยประกอบอาชีพเปิดร้านชำเเละขายก๋วยเตี๋ยวหน้าบ้าน เป็นภาพที่ชินตาของเพื่อนบ้านหรือระเเวกใกล้เคียง ในทุกๆเช้าจะเห็นภรรยา นางอ่อนละมุน สีหบุตร อายุ 54 ปี ซึ่งมีกิจวัตรกับประจำวันก็คือ จะพาสามีอาบน้ำเเต่งตัว ทำกายภาพบำบัด พาเดินออกกำลังกาย และหุงหาอาหารให้สามีรับประทาน พร้องทั้งยูกยารักษาโรค ก่อนที่จะทำงานอื่นๆตอไป ซึ่งเป็นภาพที่เห็นเเล้วประทับใจเเละจุดประกายให้กับคู่รักคู่อื่นได้เป็นอย่างดี เพราะต่อให้ลำบากยากจนหรืออีกฝ่ายพิการก็ไม่ทิ้งกัน ซึ่งในยุคสมัยนี้ยิ่งหาได้ยาก

นางอ่อนละมุน เล่าว่า ตนกับสามีมีลูกด้วยกัน 2 คน ลูกสาวคนโตซึ่งเรียนจบเเละได้รับราชการครูเเล้ว ส่วนลูกสาวคนเล็กทำอาชีพอิสระ ทำเกษตร ส่วนตนกับสามีนั้นเเต่เดิมขายของสหกรณ์ประจำหมู่บ้าน ส่วนสามีทำอาชีพขับรถรับส่งนักเรียนตั้งเเต่จันทร์ถึงศุกร์ พอเสร็จงานรับส่งนักเรียนเเล้วหรือวันเสาร์อาทิตย์ก็จะมาช่วยตนขายของที่ร้านค้าสหกรณ์ประจำหมู่บ้านอยู่หลาย 10 ปี จนหมดวาระ ประจวบเมาะกับลูกๆก็เรียนจบเเละได้ทำงานแล้ว ตนเเละสามีจึงออกมาทำร้านก๋วยเตี๋ยวเเละขายของ(ร้านชำ)ไปด้วย เเละสามีก็ยังขับรถส่งนักเรียนตามเดิม ทุกอย่าง และกำลังไปด้วยดีเพราะกิจการลูกสาวคนโตที่เป็นครูกับลูกสาวคนเล็กก็ช่วยในการซับพอตเรื่องทุนได้เป็นอย่างดี

เเต่ต่อมาก็ต้องมาสะดุดเอาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เพราะเสาหลักอย่างสามีได้มาล้มป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบ จนทำให้เป็นอัมพาตครึ่งซีก ฝั่งด้านขวา พูดได้บ้างเเต่ไม่ชัด เเละช่วยเหลือตัวเองได้บ้างเเต่ต้องมีคนช่วยพยุง ซ้ำป่วยเป็นโรคหัวใจอีกด้วย จากที่สามีเป็นเสาหลักมาตลอด กลายมาเป็นตนกับลูกที่ต้องทำหน้าที่เเทนสามีทุกอย่าง

นางอ่อนละมุน เล่าต่อว่า ก่อนที่สามีจะเป็นอัมพาตนั้น เนื่องจาก 3 ปีก่อน พ่อสามีเเละน้องเขยป่วยนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุรินทร์พร้อมกัน ตนเเละสามีพร้อมพี่น้องก็ได้สับเปลี่ยนเวรไปคอยดูเเล ซึ่งสามีทำหลายหน้าที่ทั้งขับรถส่งนักเรียน ดูเเลร้าน ขับรถเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อมาดูเเลพ่อ เห็นบ่นว่าปวดต้นคอเหมือนจะวูบ ตนก็บอกให้สามีไปพักผ่อนที่บ้านก่อน เพราะเห็นว่าพักผ่อนไม่ได้เต็มอิ่มมาลายคืนแล้ว เดี๋ยวตนกับลูกจะสับเปลี่ยนเฝ้าพอเอง เเต่พอวันรุ่งขึ้นหลานชายก็โทรบอกว่า สามีวูบในห้องครัวในบ้าน เเล้วถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล ตนเละลูกๆตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลย ทั้งพ่อเเละน้องเขยก็นอนโรงพยาบาล ซ้ำสามีมาล้มป่วยเป็นอัมพาต ไม่รู้จะดูเเลใครก่อน กลัวต่างๆนาๆ วินาทีนั้นทำได้เเค่กอดกับลูก และภาวนาว่าขออย่าให้เป็นอะไรมากว่านี้อีกเลย

จากวันนั้นถึงวันนี้สามีก็ดีขึ้นตามลำดับ พูดได้บ้าง ช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง เเละช่วยขายของทำกำลังที่ช่วยได้ ตนก็ได้เเต่บอกกับสามีเเละลูกๆว่า จะเป็นยังไงก็ตามจะไม่ทอดทิ้งกัน ที่พอมีอยู่ มีใช้ก็เกิดจากการสร้างชีวิตคู่มาด้วย ลำบากมาด้วยกัน แต่ถึงจะมาป่วยหนักอย่างนี้ เราก็จะไม่ทิ้งหนีกันไปไหน.

พูนสิน ยั่งยืน รายงาน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *